วิธีการเลือกคลินิกความงามที่ดี และได้มาตรฐาน ต้องดูอย่างไร
การตัดสินใจเลือกใช้บริการคลินิกเสริมความงาม ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ อันจะทำให้เชื่อถือได้ว่าบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง ไม่ควรถูกโน้มน้าวด้วยข้อมูลโฆษณาของสถาบันคลินิกความงามที่อาจไม่คุ้มค่ากับเงินและความคาดหวัง โดยในบทความนี้จะแนะนำวิธีเลือกคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐานนั้นสามารถสังเกตได้จาก
1. การวิเคราะห์ปัญหาแท้จริง
สิ่งแรก คือ ควรรู้ว่าสิ่งที่คุณต้องการเสริมความสวยเบื้องต้นคืออะไรเพื่อไม่ให้คลินิกเสริมความงามชักชวนให้ทำมากเกินความต้องการจริง เช่น ปัญหาสิว การเลเซอร์บำรุงฟื้นฟูสภาพผิว การฉีดสารฟิลเลอร์หรือฉีดสลายไขมัน การศัลยกรรมปรับเปลี่ยนโครงสร้างรูปหน้า เป็นต้น
2. การหาข้อมูลเบื้องต้นของบริการเสริมความงาม
ยกตัวอย่าง การแก้ไขริ้วรอยหางตาแก้ไขด้วยโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร โดยความแตกต่างของวิธีการเสริมความงามทั้ง 2 ประเภทนี้ คือ
โบท็อกซ์เป็นการฉีดโปรตีนเพื่อคลายกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีด สามารถลบรอยตีนกา
และรอยเหี่ยวย่น รวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหากรามใหญ่เพื่อช่วยใบหน้าเรียวเล็กลง มีอายุใช้
งานประมาณ 6-8 เดือน มีข้อห้ามฉีดโบท็อกซ์สำหรับผู้ที่มีประวัติภูมิแพ้อย่างรุนแรง
ห้ามหญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร ห้ามผู้ที่มีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงและผู้ที่มี
ปัญหาเลือดออกง่ายผิดปกติ อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดปัญหาแทรกซ้อน เช่น หนังตาบนและคิ้วตก
มุมปากตก รูปปากเบี้ยว มีรอยจ้ำเลือดบริเวณที่ฉีดยา อาการตาแห้งหลังการฉีดหรือเกิดภูมิต้านทานต่อโบท็อกซ์
ฟิลเลอร์ คือ การฉีดเติมเต็มด้วยสาร Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารประกอบของคอลลาเจนเพื่อสร้างความตึงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ นิยมใช้ในการปรับแก้ไขรูปหน้า เช่น เสริมจมูก เสริมคาง เติมเต็มร่องลึกร่องใต้ตา ร่องแก้มหรือบำรุงผิวให้กระชับ อายุการใช้งาน 9-12 เดือน ข้อเสียอาจเกิดจากการฉีดสารฟิลเลอร์เข้าไปในกระแสเลือด เข้าสู่สมอง ทำให้เส้นเลือดแตก อุดตัน เป็นอัมพาตอัมพฤกษ์ได้ การฉีดฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ร่างกายจะเกิดอันตรายมาก
3. การหาข้อมูลเบื้องต้นของคลินิกเสริมความงาม
พิจารณาความน่าเชื่อถือของสถาบันนั้นและแพทย์ที่ให้การรักษาว่ามีมาตรฐาน มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการรักษา รวมทั้งเปิดบริการมานานแค่ไหน ต้องสอบถามหรือหาข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ให้บริการ ก่อนเสริมความงามหรือผ่าตัดศัลยกรรมทุกครั้ง แพทย์ควรจะให้คำแนะนำและตอบข้อซักถามของคนไข้อย่างละเอียดและถูกต้อง ตอบคำถามว่าทำแล้วให้ผลดีหรือผลเสียมากน้อยแค่ไหน นอกจากนั้นยังต้องรับประกันการช่วยเหลือคนไข้อย่างเต็มที่ ความรับผิดชอบต่อคนไข้เป็นสิ่งสำคัญ หากเกิดปัญหาที่ต้องแก้ไข ควรมีการติดตามผลโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
4. การหาข้อมูลด้านค่าใช้จ่ายและความรับผิดชอบหลังการขาย
ก่อนเข้าใช้บริการต้องสอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน การตั้งราคาของแต่ละคลินิกอาจแตกต่างกันได้หลายเท่า เนื่องจากต้นทุนด้านค่าเช่าสถานที่ เครื่องมือ บุคคลากรและการโฆษณา สถาบันนั้นควรแจ้งราคาและค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนและไม่ควรมีค่าบริการเพิ่มภายหลัง
สถาบันเสริมความงามต้องดูแลรับผิดชอบหลังการผ่าตัดหรือการรักษา เช่น การล้างแผลหลังผ่าตัด
ต้องมีความจริงใจต่อคนไข้ในกรณีที่เกิดปัญหาไม่คาดฝัน อย่างการอักเสบ มีอาการบวมต่อเนื่อง
หรือความจำเป็นต้องถอดซิลิโคนหรือกระดูกที่เสริมออก
ควรดำเนินการรักษาให้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ด้วยเหตุนี้การศึกษาทำความเข้าใจและเปรียบเทียบย่อมทำให้มีโอกาสเลือก
ใช้บริการที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง โดยเลือกวิธีให้มีความเหมาะสม มีประสิทธิภาพ ราคาประหยัดและปลอดภัยที่สุด