top of page

โบท็อกซ์จริง ปลอม แตกต่างกันอย่างไร มีวิธีดูอย่างไร?

       การศัลยกรรมเสริมความงามประเภทการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เพื่อลบริ้วรอยบนใบหน้า ได้รับความสนใจจากผู้รักสวยรักงามจำนวนมาก กลายเป็นธุรกิจที่มีผลกำไรมหาศาล จึงเป็นที่มาของโบท็อกซ์ปลอมแพร่ระบาดเป็นอันตรายอย่างมาก

       โบท็อกซ์เป็นชื่อทางการค้าของโปรตีนสารโบทูลินัมท็อกซิน เอ

(Botulinum toxin A) เดิมใช้รักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อตา ในภายหลังองค์การอาหารและยาของสหรัฐ อนุมัติให้ใช้โบท็อกซ์ในการศัลยกรรมเสริมความงามอย่างถูกกฎหมาย เมื่อความนิยมเพิ่มมากขึ้น เป้าหมายจึงเปลี่ยนจากการรักษาไปเป็นศัลยกรรมเพื่อความสวยงาม

       การนำสารโบท็อกมาฉีดเข้ากล้ามเนื้อปริมาณน้อยทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยลบเลือนริ้วรอยบนหน้าผาก ระหว่างคิ้ว รอบดวงตา และข้างปาก แต่โบท็อกซ์ปลอมอาจเป็นน้ำเปล่า น้ำเกลือ หรือวิตามินก็ได้

       สาเหตุของการพัฒนาโบท็อกซ์ปลอม เกิดจากความนิยมมากจนไม่เพียงพอต่อความต้องการ เนื่องจากปัจจุบันผู้ผลิตที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตโบทูลินัมท็อกซินความบริสุทธิ์สูงสำหรับฉีดเสริมความงาม มีเพียง 7 รายทั่วโลกนอกนั้นเป็นผู้ผลิตรายอื่น ๆ หลายสิบราย โดยเฉพาะในจีนและประเทศแถบเอเชีย ได้รับอนุญาตให้ผลิตโบทูลินัมท็อกซินที่มีความบริสุทธิ์ต่ำเพื่อใช้ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ทำให้มีช่องทางผลิตโบท็อกซ์ปลอมราคาถูกออกมาจำหน่ายแพร่หลาย

       ทั้งนี้ โบทูลินัมท็อกซินเป็นสารอันตรายร้ายแรงเกือบจะที่สุดในโลก หากสูดดมจะมีฤทธิ์ทำลายต่อระบบประสาทอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต กล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงาน หรือระบบทางเดินหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตในเวลาไม่กี่นาที เพียง 1 กรัมอาจฆ่าคนมากกว่าล้านคน จึงมีความจำเป็นในการจำกัดการผลิตเพื่อป้องกันการพัฒนาอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพขึ้น ดังนั้น ผู้ผลิตหลายรายที่ผลิตโบท็อกซ์ปลอมล้วน ๆ ทำมาจากน้ำเปล่า น้ำเกลือหรือวิตามิน ที่ไม่มีสารโบทูลินัมท็อกซินแม้แต่น้อย ทำให้นำมาฉีดแล้วไม่ได้ผล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้เท่ากับสารโบท็อกซ์ปลอม

       การสังเกตผลิตภัณฑ์ว่าของจริงหรือของปลอมต้องยอมรับว่าปลอมได้แนบเนียนมาก ข้อสังเกตแรก กล่องยาต้องมีเลขทะเบียนกำกับ Reg. No. 1C 21/55 (NB) และระบุนำเข้าโดย บริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) ประเภท 100 units พื้นกล่องเป็นสีม่วง และประเภท 50 units พื้นกล่องเป็นสีน้ำตาลแดง มีตัวหนังสือสีขาวลักษณะบุ๋ม

      การผลิตใช้เทคนิคการผลิตอบแห้งแบบสูญญากาศ (Vacuum Drying) จะสังเกตได้ว่า แทบไม่เห็นผงยาติดข้างขวดยา มีเพียงคราบสีขาวขุ่นอยู่ที่ก้นขวดเล็กน้อย สิ่งที่เห็นได้ชัดมากกว่าคือผลข้างเคียงหลังจากฉีดโบท็อกซ์ปลอมเข้าไป ข้อสังเกตนี้ช่วยให้แก้ไขโดยเร็วก่อนที่จะเกิดอันตรายจนสายเกินแก้

      ฉลากข้างขวดของแท้ผลิตด้วยเทคโนโลยีโฮโลแกรมสมัยใหม่ สังเกตเห็นความเลื่อมพรายเมื่อต้องแสงไฟ ซึ่งเผยภาพปรากฎขึ้นมาเป็นตัวหนังสือคำว่า Allergan มีลักษณะพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ ด้านข้างกล่องมีตัวหนังสือภาษาไทยสีดำแสดงเลขทะเบียนยา ตัวเลขข้างฝาขวดต้องตรงกับตัวเลขที่ฉลากข้างขวดและตัวเลขใต้กล่อง บนฝาขวดจะมีฝาพลาสติกใสปิดทับอยู่ด้านบน

      ปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตหลายรายผลิตโปรตีนจากแบคทีเรียชนิดเดียวกับโบท็อกซ์ในหลายประเทศ เช่น โบท็อกซ์ยี่ห้อ Dysport จากประเทศอังกฤษ หรือโบท็อกซ์ยี่ห้อ Chaina BTX จากประเทศจีน หรือยี่ห้อ Botulax Hugel จากประเทศเกาหลี ราคาถูกกว่าแต่ประสิทธิภาพด้อยกว่าโบท็อกซ์ของอเมริกาซึ่งใช้มานานกว่า 15 ปี ใน 75 ประเทศทั่วโลก

      โบท็อกซ์ยี่ห้ออื่น ๆ อาจไม่เรียกได้ว่าเป็นโบท็อกซ์ปลอมเสียทีเดียว แต่ยังไม่มีผลการวิจัยและการรับรองถึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยซึ่งเป็นที่ยอมรับของแพทย์ทั่วโลก การฉีดโบท็อกซ์ของแท้จากอเมริกาจึงน่าจะมั่นใจและสบายใจได้มากกว่า เพราะผลข้างเคียงของการใช้โบท็อกซ์ปลอมมีอันตรายที่น่าหวาดหวั่น อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปากเบี้ยว หนังตาตก บริเวณที่ฉีดมีอาการแพ้ แดง เกิดผื่นคันหรือรอยเขียวช้ำ

 

       นอกจากนั้นยังเสี่ยงที่จะเกิดการดื้อยา สารโบท็อกซ์ปลอมอาจกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดี้มาต่อต้านสารแปลกปลอม ทำให้การฉีดโบท็อกซ์เพื่อกำจัดริ้วรอยครั้งต่อไปไม่ได้ผล หรือต้องเปลี่ยนไปฉีดยี่ห้ออื่น เพราะแม้แต่การฉีดโบท็อกซ์ของแท้ยังไม่ควรฉีดบ่อย ต้องทิ้งช่วงห่างอย่างน้อย 3 เดือน ไม่เช่นนั้นร่างกายอาจสร้างภูมิต้านทาน เมื่อฉีดเข้าไปก็จะถูกทำลาย ทำให้ฉีดแล้วไม่ได้ผลเช่นเดียวกัน

 

      ในกรณีที่ร่างกายต้านทานสารนี้แล้ว ต้องรอเวลานานถึง 3 ปีก่อนที่สารภูมิต้านทานจะหายไปจึงจะสามารถกลับมาฉีดโบท็อกซ์ได้อีกครั้ง การฉีดโบท็อกซ์นั้น ควรฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และต้องมั่นใจว่าเป็นโบท็อกซ์ของแท้ จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เรียบเรียงและเขียนโดย SC Skinclub (ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใด)

     Mr.SC

BeautyGuru

bottom of page